ประเทศสวีเดน หรือ ราชอาณาจักรสวีเดน (สวีเดน: Konungariket Sverige) เป็นประเทศกลุ่มนอร์ดิกตั้งอยู่บนคาบสมุทรสแกนดิเนเวีย ในยุโรปเหนือ เขตแดนทางตะวันตกจรดประเทศนอร์เวย์ ทางตะวันออกเฉียงเหนือจรดประเทศฟินแลนด์ และช่องแคบ สแกเกอร์แรก (Skagerrak) ทางตะวันตกเฉียงใต้จรดช่องแคบแคทีแกต (Kattegat) และทางตะวันออกจรดทะเลบอลติก และอ่าวบอทเนีย มีกรุงสตอกโฮล์มเป็นเมืองหลวง ประเทศสวีเดนมีประชากรที่เบาบาง เว้นแต่ในเขตเมืองใหญ่ พื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศประกอบด้วยป่าไม้ และภูเขาสูง
หลังจากสิ้นสุดยุคไวกิ้ง สวีเดนกลายเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพคาลมาร์ ร่วมกับเดนมาร์กและนอร์เวย์ (ในช่วงเวลานี้ ฟินแลนด์เป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรสวีเดน) สวีเดนได้ออกจากสหภาพในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 16 และได้รบสู้กับประเทศเพื่อนบ้านเป็นเวลาหลายปี โดยเฉพาะรัสเซีย และเดนมาร์กกับนอร์เวย์ที่ยังเป็นสหภาพอยู่ ซึ่งไม่ยอมรับการที่สวีเดนออกจากสหภาพ ในคริสศตวรรษที่ 17 สวีเดนได้ขยายเขตด้วยสงครามและกลายเป็นมหาอำนาจด้วยขนาด 2 เท่าของปัจจุบัน ถึงพ.ศ. 2457 สวีเดนได้สูญเสียพื้นที่ราชอาณาจักรรวมถึงฟินแลนด์ที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรสวีเดน ตั้งแต่พ.ศ. 2457 นั้น สวีเดนอยู่ในภาวะสันติ โดยที่มีนโยบายต่างประเทศที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดในช่วงสันติและเป็นกลางระหว่างสงคราม
สวีเดนเป็นผู้ส่งออกเหล็ก ทองแดง และไม้ชั้นนำของยุโรปตั้งแต่สมัยยุคกลาง อย่างไรก็ดี การขนส่งและการคมนาคมที่ดีขึ้น ทำให้สามารถใช้ทรัพยากรธรรมชาติจากส่วนต่าง ๆ ของประเทศได้มากขึ้น โดยเฉพาะไม้ และแร่เหล็ก การเปิดเสรีทางเศรษฐกิจและการจัดการศึกษาทั่วไป ช่วยให้เกิดอุตสาหกรรมขึ้นอย่างรวดเร็ว และในทศวรรษ 1890 ประเทศได้เริ่มพัฒนาอุตสาหกรรมขั้นสูง ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20 ได้เกิดระบบสวัสดิการของรัฐบาลขึ้น ปัจจุบัน สวีเดนมีความโน้มเอียงในทางเสรีนิยม และความต้องการความเท่าเทียมกันในสังคม และมักจะเป็นชาติที่อยู่ในอันดับต้น ๆ ของ ดัชนีการพัฒนามนุษย์ของสหประชาชาติ
การเมืองการปกครอง
สวีเดนมีการปกครองระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ โดยใช้ระบอบประชาธิปไตยแบบตัวแทน มีรัฐสภา
พระประมุขเป็นตำแหน่งประมุขของสวีเดนเป็นของพระมหากษัตริย์ โดยพระองค์ปัจจุบันคือสมเด็จพระราชาธิบดีคาร์ลที่ 16 กุสตาฟ พระมหากษัตริย์ทรงทำหน้าที่เป็นตัวแทนสูงสุดของประเทศ แต่ไม่มีอำนาจทางการเมืองใดๆ รวมถึงไม่จำเป็นต้องลงพระนามในการตัดสินใจของรัฐสภาด้วย
จากการแก้ไขกฎการสืบราชสมบัติในปีพ.ศ. 2522 ให้สิทธิเท่าเทียมกันกับรัชทายาททั้งชายและหญิง ทำให้ตำแหน่งรัชทายาทสูงสุดในปัจจุบันเป็นของเจ้าฟ้าหญิงวิกตอเรีย ซึ่งเสด็จพระราชสมภพในปีพ.ศ. 2520
ภูมิศาสตร์
สวีเดนเป็นหนึ่งในประเทศที่อยู่เหนือสุดของโลก มีขนาดพื้นที่ใกล้เคียงกับประเทศไทย สวีเดนมีชายฝั่งที่ค่อนข้างยาว จรดทะเลบอลติกและอ่าวบอทเนีย ทางตะวันตกมีเทือกเขาสแกนดิเนเวีย ทอดตามแนวพรมแดนกับประเทศนอร์เวย์
สวีเดนแบ่งออกเป็นสามภาคหลักๆ ได้แก่ Götaland ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศ เป็นที่ราบและมีป่าไม้ Svealand เป็นที่ราบอุดมสมบูรณ์ และมีทะเลสาบจำนวนมาก และ Norrland เป็นภูมิภาคตอนเหนือของสวีเดน มีภูเขา ป่าไม้ และแร่ธาตุมาก ประมาณร้อยละสิบห้าของพื้นที่ทั้งหมดของประเทศตั้งอยู่เหนือขึ้นไปจากอาร์กติกเซอร์เคิล
ถึงแม้ว่าสวีเดนจะตั้งอยู่ทางตอนเหนือมาก แต่กลับมีภูมิอากาศแบบอบอุ่น เนื่องจากอิทธิพลของกระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีม ทางตอนเหนือของอาร์กติกเซอร์เคิล พระอาทิตย์ไม่ตกดินเลยในบางช่วงของฤดูร้อน และแทบไม่สามารถเห็นได้ในฤดูหนาว สวีเดนจึงเป็นหนึ่งในประเทศที่มีปรากฏการณ์พระอาทิตย์เที่ยงคืน
เศรษฐกิจ
สวีเดนเป็นประเทศที่มีการพัฒนาด้านอุตสาหกรรมสูงมาก เกษตรกรรมที่ในเคยเป็นเศรษฐกิจหลักของประเทศมีการจ้างงานน้อยกว่าร้อยละสองของแรงงานทั้งหมดในปัจจุบัน อุตสาหกรรมดั้งเดิมที่สำคัญของสวีเดนได้แก่ การป่าไม้ เหล็ก และไฟฟ้าพลังน้ำ แต่ในปัจจุบัน อุตสาหกรรมขั้นสูงเช่นรถยนต์ อากาศยาน อาวุธ และเวชภัณฑ์ เข้ามามีความสำคัญต่อเศรษฐกิจอย่างมาก การที่สวีเดนมีประชากรไม่สูงนัก ทำให้ตลาดภายในประเทศจำกัดและต้องพึ่งพาการส่งออก สวีเดนจึงเป็นแหล่งกำเนิดของบริษัทที่ประสบความสำเร็จในตลาดโลกจำนวนมาก เช่น วอลโว ซาบ อีริกส์สัน อีเล็กโทรลักซ์ เอชแอนด์เอ็ม เป็นต้น
สวีเดนได้รับอันดับสามจากการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของเวิลด์อิโคโนมิกฟอรัมประจำปี 2006/07 สวีเดนมีการเก็บภาษีในอัตราที่สูง เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆในภูมิภาค และมีสหภาพแรงงานที่แข็งแกร่ง ธนาคารแห่งชาติสวีเดน Sveriges Riksbank เป็นธนาคารกลางที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ก่อตั้งในปีพ.ศ. 2211 โดยปัจจุบัน ธนาคารให้ความสำคัญกับเสถียรภาพของราคา มีเป้าหมายเงินเฟ้อไม่เกินร้อยละ 2 ปัจจุบันสวีเดนยังคงใช้สกุลเงินโครนาสวีเดน โดยในปีพ.ศ. 2546 ได้มีการลงประชามติเกี่ยวกับการใช้ค่าเงินยูโร ซึ่งร้อยละ 56 ลงคะแนนเสียงไม่เห็นด้วย
ประชากรสิ้นปีพ.ศ. 2549 สวีเดนมีประชากร 9,113,257 คน โดยประชากรได้เพิ่มเกินเก้าล้านคนครั้งแรกในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2547 จำนวนประชากรที่เกิดในต่างประเทศนั้นสูงขึ้นอย่างมากในคริสต์ศตวรรษที่ 20 โดยในช่วงเริ่มศตวรรษ มีประชากรที่เกิดต่างประเทศราว 36,000 คนจากประชากรทั้งหมด 5 ล้านคน ในปี 2547 ประชากรที่เกิดในต่างประเทศมีสูงกว่าหนี่งล้านคน[13] โดยเป็นผลมาจากการย้ายถิ่นฐานภายในกลุ่มนอร์ดิก การอพยพของแรงงานในช่วงต้น และผู้ลี้ภัยในช่วงต่อมา โดยสวีเดนเป็นประเทศที่มีผู้ย้ายเข้าสูงหลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง ผู้อพยพจากนอกกลุ่มนอร์ดิกลดลงหลังจากนโยบายการย้ายเข้าประเทศใหม่ออกมาในปีพ.ศ. 2510
จากประชากรในปี 2548 กลุ่มที่ย้ายถิ่นฐานมาจากต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดมาจากประเทศฟินแลนด์ รองลงมาคือตุรกี เยอรมนี เดนมาร์ก นอร์เวย์ โปแลนด์ อิรัก อิหร่าน และอดีตยูโกสลาเวีย ข้อมูลของผู้ที่ย้ายเข้าในปี 2548 แสดงให้เห็นว่าผู้ที่เกิดในกลุ่มนอร์ดิกยังคงเป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุด มากถึงสองหมื่นคน โดยมากกว่าครึ่งเป็นผู้ที่เกิดในสวีเดนย้ายกลับเข้ามา นอกจากนี้ มากกว่า 16,000 คนมีต้นกำเนิดจากทวีปเอเชีย ราวครึ่งหนึ่งของจำนวนนี้มาจากอิรัก อิหร่าน จีน และไทย
ปีพ.ศ. 2549 ชาวสวีเดนประมาณ 6.9 ล้านคนเป็นสมาชิกของคริสตจักรแห่งสวีเดน คิดเป็นร้อยละ 75 ของประชากรทั้งประเทศ โดยจำนวนสมาชิกลดลงเรื่อยๆทุกปี คริสตจักรแห่งสวีเดนเป็นโบสถ์นิกายลูเธอรัน นิกายโรมันคาทอลิกในสวีเดนมีสมาชิกราว 80,500 คน นอกจากคริสต์ศาสนา ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ จากการอพยพเข้า จากการสำรวจ "ยูโรบารอมิเตอร์" ในปีพ.ศ. 2548 ร้อยละ 23 ตอบแบบสอบถามว่าเชื่อว่าพระเจ้ามีอยู่จริง
ประเทศสวีเดนไม่มีภาษาราชการ โดยมีภาษาสวีเดนเป็นภาษาหลักของประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่พูด สวีเดนรับรองภาษาของชนกลุ่มน้อยห้าภาษา ได้แก่ ภาษาฟินแลนด์ เมแอนเกียลิ (Meänkieli) ภาษาซามิ ภาษาโรมานี และภาษายิดดิช ประเด็นเรื่องการให้ภาษาสวีเดนเป็นภาษาราชการถูกหยิบยกขึ้นมาในปีพ.ศ. 2548 แต่การลงคะแนนเสียงในรัฐสภาแพ้ไป 145-147
หลังจากสิ้นสุดยุคไวกิ้ง สวีเดนกลายเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพคาลมาร์ ร่วมกับเดนมาร์กและนอร์เวย์ (ในช่วงเวลานี้ ฟินแลนด์เป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรสวีเดน) สวีเดนได้ออกจากสหภาพในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 16 และได้รบสู้กับประเทศเพื่อนบ้านเป็นเวลาหลายปี โดยเฉพาะรัสเซีย และเดนมาร์กกับนอร์เวย์ที่ยังเป็นสหภาพอยู่ ซึ่งไม่ยอมรับการที่สวีเดนออกจากสหภาพ ในคริสศตวรรษที่ 17 สวีเดนได้ขยายเขตด้วยสงครามและกลายเป็นมหาอำนาจด้วยขนาด 2 เท่าของปัจจุบัน ถึงพ.ศ. 2457 สวีเดนได้สูญเสียพื้นที่ราชอาณาจักรรวมถึงฟินแลนด์ที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรสวีเดน ตั้งแต่พ.ศ. 2457 นั้น สวีเดนอยู่ในภาวะสันติ โดยที่มีนโยบายต่างประเทศที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดในช่วงสันติและเป็นกลางระหว่างสงคราม
สวีเดนเป็นผู้ส่งออกเหล็ก ทองแดง และไม้ชั้นนำของยุโรปตั้งแต่สมัยยุคกลาง อย่างไรก็ดี การขนส่งและการคมนาคมที่ดีขึ้น ทำให้สามารถใช้ทรัพยากรธรรมชาติจากส่วนต่าง ๆ ของประเทศได้มากขึ้น โดยเฉพาะไม้ และแร่เหล็ก การเปิดเสรีทางเศรษฐกิจและการจัดการศึกษาทั่วไป ช่วยให้เกิดอุตสาหกรรมขึ้นอย่างรวดเร็ว และในทศวรรษ 1890 ประเทศได้เริ่มพัฒนาอุตสาหกรรมขั้นสูง ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20 ได้เกิดระบบสวัสดิการของรัฐบาลขึ้น ปัจจุบัน สวีเดนมีความโน้มเอียงในทางเสรีนิยม และความต้องการความเท่าเทียมกันในสังคม และมักจะเป็นชาติที่อยู่ในอันดับต้น ๆ ของ ดัชนีการพัฒนามนุษย์ของสหประชาชาติ
การเมืองการปกครอง
สวีเดนมีการปกครองระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ โดยใช้ระบอบประชาธิปไตยแบบตัวแทน มีรัฐสภา
พระประมุขเป็นตำแหน่งประมุขของสวีเดนเป็นของพระมหากษัตริย์ โดยพระองค์ปัจจุบันคือสมเด็จพระราชาธิบดีคาร์ลที่ 16 กุสตาฟ พระมหากษัตริย์ทรงทำหน้าที่เป็นตัวแทนสูงสุดของประเทศ แต่ไม่มีอำนาจทางการเมืองใดๆ รวมถึงไม่จำเป็นต้องลงพระนามในการตัดสินใจของรัฐสภาด้วย
จากการแก้ไขกฎการสืบราชสมบัติในปีพ.ศ. 2522 ให้สิทธิเท่าเทียมกันกับรัชทายาททั้งชายและหญิง ทำให้ตำแหน่งรัชทายาทสูงสุดในปัจจุบันเป็นของเจ้าฟ้าหญิงวิกตอเรีย ซึ่งเสด็จพระราชสมภพในปีพ.ศ. 2520
ภูมิศาสตร์
สวีเดนเป็นหนึ่งในประเทศที่อยู่เหนือสุดของโลก มีขนาดพื้นที่ใกล้เคียงกับประเทศไทย สวีเดนมีชายฝั่งที่ค่อนข้างยาว จรดทะเลบอลติกและอ่าวบอทเนีย ทางตะวันตกมีเทือกเขาสแกนดิเนเวีย ทอดตามแนวพรมแดนกับประเทศนอร์เวย์
สวีเดนแบ่งออกเป็นสามภาคหลักๆ ได้แก่ Götaland ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศ เป็นที่ราบและมีป่าไม้ Svealand เป็นที่ราบอุดมสมบูรณ์ และมีทะเลสาบจำนวนมาก และ Norrland เป็นภูมิภาคตอนเหนือของสวีเดน มีภูเขา ป่าไม้ และแร่ธาตุมาก ประมาณร้อยละสิบห้าของพื้นที่ทั้งหมดของประเทศตั้งอยู่เหนือขึ้นไปจากอาร์กติกเซอร์เคิล
ถึงแม้ว่าสวีเดนจะตั้งอยู่ทางตอนเหนือมาก แต่กลับมีภูมิอากาศแบบอบอุ่น เนื่องจากอิทธิพลของกระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีม ทางตอนเหนือของอาร์กติกเซอร์เคิล พระอาทิตย์ไม่ตกดินเลยในบางช่วงของฤดูร้อน และแทบไม่สามารถเห็นได้ในฤดูหนาว สวีเดนจึงเป็นหนึ่งในประเทศที่มีปรากฏการณ์พระอาทิตย์เที่ยงคืน
เศรษฐกิจ
สวีเดนเป็นประเทศที่มีการพัฒนาด้านอุตสาหกรรมสูงมาก เกษตรกรรมที่ในเคยเป็นเศรษฐกิจหลักของประเทศมีการจ้างงานน้อยกว่าร้อยละสองของแรงงานทั้งหมดในปัจจุบัน อุตสาหกรรมดั้งเดิมที่สำคัญของสวีเดนได้แก่ การป่าไม้ เหล็ก และไฟฟ้าพลังน้ำ แต่ในปัจจุบัน อุตสาหกรรมขั้นสูงเช่นรถยนต์ อากาศยาน อาวุธ และเวชภัณฑ์ เข้ามามีความสำคัญต่อเศรษฐกิจอย่างมาก การที่สวีเดนมีประชากรไม่สูงนัก ทำให้ตลาดภายในประเทศจำกัดและต้องพึ่งพาการส่งออก สวีเดนจึงเป็นแหล่งกำเนิดของบริษัทที่ประสบความสำเร็จในตลาดโลกจำนวนมาก เช่น วอลโว ซาบ อีริกส์สัน อีเล็กโทรลักซ์ เอชแอนด์เอ็ม เป็นต้น
สวีเดนได้รับอันดับสามจากการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของเวิลด์อิโคโนมิกฟอรัมประจำปี 2006/07 สวีเดนมีการเก็บภาษีในอัตราที่สูง เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆในภูมิภาค และมีสหภาพแรงงานที่แข็งแกร่ง ธนาคารแห่งชาติสวีเดน Sveriges Riksbank เป็นธนาคารกลางที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ก่อตั้งในปีพ.ศ. 2211 โดยปัจจุบัน ธนาคารให้ความสำคัญกับเสถียรภาพของราคา มีเป้าหมายเงินเฟ้อไม่เกินร้อยละ 2 ปัจจุบันสวีเดนยังคงใช้สกุลเงินโครนาสวีเดน โดยในปีพ.ศ. 2546 ได้มีการลงประชามติเกี่ยวกับการใช้ค่าเงินยูโร ซึ่งร้อยละ 56 ลงคะแนนเสียงไม่เห็นด้วย
ประชากรสิ้นปีพ.ศ. 2549 สวีเดนมีประชากร 9,113,257 คน โดยประชากรได้เพิ่มเกินเก้าล้านคนครั้งแรกในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2547 จำนวนประชากรที่เกิดในต่างประเทศนั้นสูงขึ้นอย่างมากในคริสต์ศตวรรษที่ 20 โดยในช่วงเริ่มศตวรรษ มีประชากรที่เกิดต่างประเทศราว 36,000 คนจากประชากรทั้งหมด 5 ล้านคน ในปี 2547 ประชากรที่เกิดในต่างประเทศมีสูงกว่าหนี่งล้านคน[13] โดยเป็นผลมาจากการย้ายถิ่นฐานภายในกลุ่มนอร์ดิก การอพยพของแรงงานในช่วงต้น และผู้ลี้ภัยในช่วงต่อมา โดยสวีเดนเป็นประเทศที่มีผู้ย้ายเข้าสูงหลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง ผู้อพยพจากนอกกลุ่มนอร์ดิกลดลงหลังจากนโยบายการย้ายเข้าประเทศใหม่ออกมาในปีพ.ศ. 2510
จากประชากรในปี 2548 กลุ่มที่ย้ายถิ่นฐานมาจากต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดมาจากประเทศฟินแลนด์ รองลงมาคือตุรกี เยอรมนี เดนมาร์ก นอร์เวย์ โปแลนด์ อิรัก อิหร่าน และอดีตยูโกสลาเวีย ข้อมูลของผู้ที่ย้ายเข้าในปี 2548 แสดงให้เห็นว่าผู้ที่เกิดในกลุ่มนอร์ดิกยังคงเป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุด มากถึงสองหมื่นคน โดยมากกว่าครึ่งเป็นผู้ที่เกิดในสวีเดนย้ายกลับเข้ามา นอกจากนี้ มากกว่า 16,000 คนมีต้นกำเนิดจากทวีปเอเชีย ราวครึ่งหนึ่งของจำนวนนี้มาจากอิรัก อิหร่าน จีน และไทย
ปีพ.ศ. 2549 ชาวสวีเดนประมาณ 6.9 ล้านคนเป็นสมาชิกของคริสตจักรแห่งสวีเดน คิดเป็นร้อยละ 75 ของประชากรทั้งประเทศ โดยจำนวนสมาชิกลดลงเรื่อยๆทุกปี คริสตจักรแห่งสวีเดนเป็นโบสถ์นิกายลูเธอรัน นิกายโรมันคาทอลิกในสวีเดนมีสมาชิกราว 80,500 คน นอกจากคริสต์ศาสนา ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ จากการอพยพเข้า จากการสำรวจ "ยูโรบารอมิเตอร์" ในปีพ.ศ. 2548 ร้อยละ 23 ตอบแบบสอบถามว่าเชื่อว่าพระเจ้ามีอยู่จริง
ประเทศสวีเดนไม่มีภาษาราชการ โดยมีภาษาสวีเดนเป็นภาษาหลักของประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่พูด สวีเดนรับรองภาษาของชนกลุ่มน้อยห้าภาษา ได้แก่ ภาษาฟินแลนด์ เมแอนเกียลิ (Meänkieli) ภาษาซามิ ภาษาโรมานี และภาษายิดดิช ประเด็นเรื่องการให้ภาษาสวีเดนเป็นภาษาราชการถูกหยิบยกขึ้นมาในปีพ.ศ. 2548 แต่การลงคะแนนเสียงในรัฐสภาแพ้ไป 145-147
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก www.wikipedia.com จ๊า
แสดงความคิดเห็น